มีหลายคนต้องการปูคอนกรีตให้กับบ้าน
และเลือกที่ใช้คอนกรีตผสมเสร็จเพราะมีความรวดเร็วและสะดวกสบายแต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ
เราต้องรู้อะไรบ้าง วันนี้เราจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องคอนกรีตผสมเสร็จคืออะไร มีกระบวนการการผลิตอย่างไรจึงได้มาตรฐาน
ควรเลือกซื้อคอนกรีตแบบไหนให้ปลอดภัยและคุ้มค่า ผู้รับเหมามีกระบวนการผลิตที่ถูกมาตรฐานหรือไม่
แล้วจะซื้อคอนกรีตผสมเสร็จจะรู้ได้ไงว่าต้องซื้อในปริมาณเท่าไหร่ต่อประเภทงานนั้น มาฝากกันค่ะ
คอนกรีตผสมเสร็จ หรือคอนกรีตสำเสร็จรูป
คือ ส่วนผสมของปูนซีเมนต์ หิน ทราย น้ำ และน้ำยาผสมคอนกรีต ที่ผสมกันเรียบร้อยจากโรงงาน
ซึ่งตั้งอยู่นอกหรือในหน่วยงานก่อสร้าง รวมถึงบริการจัดส่งไป ณ
หน่วยงานก่อสร้างโดยรถผสมคอนกรีต
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จเป็นทั้งการขายผลิตภัณฑ์
และการขายบริการ จะพบว่า
ผู้ควบคุมงานให้ความสนใจในคุณภาพคอนกรีต เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ผู้รับเหมา
ให้ความสนใจในเรื่องการบริการและราคาที่เหมาะสม
กระบวนการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ
1. เริ่มจากการตรวจสอบคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ
อันได้แก่ หิน ทราย ที่ได้เลือกจากแหล่งที่มีคุณภาพดี มีส่วนผสมถูกต้องตามมาตรฐาน
2. จัดกองไว้ไม่ให้ผสมกัน
บรรจุปูนซีเมนต์ไว้ในไซโลและบรรจุน้ำยาผสมคอนกรีตในภาชนะเฉพาะ อย่างมิดชิด
3. ลำเลียงหิน ทราย ปูนซิเมนต์ และสารผสมอื่นๆ(ถ้ามี)
เช่น เถ้าลอย ผ่านเครื่องชั่งให้มีน้ำหนักถูกต้องตามที่ออกแบบไว้ โดยจะต้องคำนึงถึงสภาพความชื้นของหินทรายด้วย เพราะหินทรายอาจจะไม่อยู่ในสภาพที่ออกแบบ
หรือสภาพอิ่มตัว ผิวแห้ง ซึ่งจะต้องปรับน้ำหนักหินทราย และน้ำให้ถูกต้อง
4. น้ำและน้ำยาผสมคอนกรีตจะผ่านเครื่องชั่งหรือวัดปริมาตร
แล้วนำเข้ามาผสมกันในเครื่องผสมคอนกรีต ซึ่งจะต้องผสมคอนกรีตตามเวลาที่กำหนด
ให้มีความเที่ยงตรง สม่ำเสมอ และรวดเร็ว
5. เมื่อผสมคอนกรีตเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คอนกรีตจะถูกลำเลียงลงสู่รถผสมคอนกรีตเพื่อนำไปส่งยังหน่วยงานก่อสร้าง
ข้อแนะนำในการเตรียมพื้นที่เทคอนกรีตผสมเสร็จ
1. เก็บวัชพืช
ขุดรากไม้ เศษดินร่วน โคลน และสารอินทรีย์ออก
2. ปรับระดับบริเวณที่จะเทคอนกรีต
ควรบดอัดแล้วจนได้ความหนา 10 ถึง 15 เซนติเมตร
(กรณีทั่วไป) ด้วยเครื่องมือบดอัด เช่น รถบด เครื่องตบหน้าดินแบบสั่นสะเทือน
หรือบดด้วยลูกกลิ้ง
3. สำหรับการเทพื้นคอนกรีตบนดินโคลน
ต้องขุดโคลนออกให้หมดแล้วนำดินใหม่มาใส่บดอัดให้แน่น
ส่วนดินเหนียวหรือดินที่น้ำระบายได้ยาก ควรใส่ชั้นกรวดทรายหนาไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร
เพื่อรองรับพื้นคอนกรีต และบดอัดชั้นกรวดทรายให้แน่นเพื่อปรับระดับ
4. ราดน้ำบนผิวดินก่อนเทคอนกรีต
เพื่อป้องกันมิให้น้ำในคอนกรีตถูกดูดซับออกไป ซึ่งจะทำให้กำลังของคอนกรีตลดลง
ขั้นตอนการเทพื้นคอนกรีต
1. ต้องมีการเสริมตะแกรงเหล็ก
WIRE MESH ขนาด 6 mm @15cm ไว้ในเนื้อคอนกรีตด้วย
ซึ่งตามหลักแล้ว ตะแกรงเหล็ก WIRE
MESH นี้จะต้องอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าผิวคอนกรีต
(เมื่อเสร็จสิ้น) ประมาณ 5 cm เพื่อกันรอยร้าวที่ผิวคอนกรีต
2. โดยทั่วไปจะใช้วิธีเทคอนกรีตลงไปให้ต่ำกว่าระดับที่ต้องการแล้วเกลี่ยให้ทั่ว
จากนั้นวางตะแกรงเหล็ก WIRE MESH ก่อนจะเททับอีกรอบให้ได้ตามระดับตามกำหนด
หรือ อาจเลือกใช้อีกวิธีหนึ่ง คือ เริ่มต้นด้วยการเสริมลูกปูนก่อนจะวางตะแกรงเหล็ก
WIRE MESH ทับ
แล้วเทคอนกรีตให้ทั่วพื้นที่จนได้ระดับตามต้องการ
วิธีนี้สะดวกตรงที่การเทคอนกรีตสามารถทำได้ในขั้นตอนเดียว
3. หลังจากเทคอนกรีตลงไปแล้ว
ให้ทำการปรับแต่งผิวหน้าให้เรียบร้อย โดยสามารถใช้ท่อปรับผิวหน้าคอนกรีตเพื่อการตกแต่งผิวที่เรียบเนียน
ในขั้นตอนนี้นอกจากการปรับแต่งผิวหน้าของคอนกรีตแล้ว อาจมีการตกแต่งเพิ่มเติม เช่น
การกรีดผิวหน้าเป็นลายเพื่อกันลื่น การประดับพื้นผิวด้วยการปูกระเบื้อง
หรือแม้กระทั่งการทำคอนกรีตพิมพ์ลายเพื่อความสวยงาม
4. เมื่อทิ้งไว้จนผิวคอนกรีตเริ่มแข็งตัว
ควรบ่มพื้นถนนคอนกรีตโดยฉีดน้ำให้ชุ่มทุกวันติดต่อกัน 7 วัน เพื่อ
ให้คอนกรีตมีความคงทนแข็งแกร่งเต็มที่ ขั้นตอนนี้นับว่าจำเป็นมากเพราะหากไม่บ่มคอนกรีตหรือบ่มในระยะเวลาไม่เหมาะ
สม จะทำให้คอนกรีตมีประสิทธิภาพในการรับแรงที่ต่ำกว่าที่ควร ทั้งยังอาจทำให้สารต่างๆ ซึมเข้าสู่เนื้อคอนกรีต
ส่งผลให้เหล็กเสริมเป็นสนิมง่าย จนทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวเสียหายได้ในที่สุด
หลังจากที่เนื้อคอนกรีตแห้งแข็งตัวอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
จะต้องทำการกรีดร่องตามตำแหน่งรอยต่อคอนกรีต กว้าง 1 cm ลึก 1.5 cm 
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น