ไม้เป็นวัสดุที่สร้างเสน่ห์ให้บ้านมายาวนาน ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ปีพื้นบ้านที่ปูด้วยไม้ก็ยังได้รับความนิยม เพราะ พื้นบ้านไม้จริง ให้ความรู้สึกอบอุ่น ชวนให้พักผ่อน ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังเชื่อมโยงกับบรรยากาศแบบพื้นถิ่น หากได้อยู่อาศัยในบ้านที่ปูด้วยไม้ ก็จะทำให้คนอยู่รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลายไปด้วย นอกจากนี้ไม้จริง โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็ง ยังมีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน ทนทานต่อหลายสิ่ง แต่อย่างไรก็ตามคุณภาพของไม้ก็ย่อมมีราคาที่สูงขึ้นไปด้วย ในปัจจุบันจึงได้มีไม้หลายประเภทที่สร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนไม้จริง ทำให้ประหยัด ดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังให้ความสวยงามเหมือนไม้จริง วันนี้เราจึงได้นำประเภทของไม้ที่ใช้ในการปูพื้นบ้านมาฝากกันค่ะ
ประเภทของไม้ปูพื้น
1. ไม้จริง
เป็นไม้ธรรมชาติแท้ๆทั้งแผ่น
คนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เนื่องจากไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย
ปลูกทดแทนกันได้ คนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล
เนื่องด้วยไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนได้
โดยชนิดของไม้ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปได้แก่ ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้มะค่า และไม้สัก
เป็นต้น สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบ้านไม้และบ้านปูน
กรณีที่เป็นบ้านไม้ให้ใช้วิธีตอกยึดกับคานไม้ แต่ปัจจุบันนิยมสร้างบ้านปูนกันมาก
โดยทำการเทพื้นคอนกรีตก่อน จากนั้นปูพื้นไม้ทับไปอีกทีด้วยกาวสำหรับงานปูพื้น
แต่ปัจจุบันนี้ไม้เริ่มหายากจึงมีราคาที่สูงมากขึ้น
แต่ก็มีการใช้วัสดุอื่นที่มาทดแทนไม้แผ่นได้
เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน ห้องรับแขก
เนื้อพื้นไม้จะให้ความหรูหรา ดูอบอุ่น มีความเป็นธรรมชาติสูง
แต่จะไม่เหมาะกับห้องอย่างห้องครัว หรือห้องน้ำที่พื้นจะต้องรับความชื้น
หรือมีพื้นเปียกอยู่ตลอด
ราคา : ประมาณ 1,000 – 5,000 ต่อ ตร.ม. ขึ้นอยู่กับชนิดไม้
ข้อดี : มีความแข็งแรงทนทาน มีความสวยงามตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น
และเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็สามารถขัดหรือทำสีก็กลับมาดูใหม่ได้เหมือนเดิม
ข้อเสีย : ของไม้จริง สมัยนี้ไม้จริงจะหายากราคาก็เลยสูง
ยิ่งถ้าต้องการหน้ากว้างและแผ่นยาวราคาก็ยิ่งสูง เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็มีโอกาสยืด หด
บิด แอ่น โก่งตามสภาพอากาศ หรือจะมีปัญหาเรื่องปลวกได้ รวมทั้งการถูกแช่น้ำนาน ๆ
ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
2. ไม้ปาร์เก้
เป็นการนำไม้จริงมาตัดเป็นชิ้นไม้เล็กๆ
แล้วเอามาต่อกันให้เป็นแผ่นใหญ่
ซึ่งอาจจะทำมาจากเศษไม้ก็ได้แล้วเอามาปูเรียงให้เป็นลายบนพื้นสวยงาม มีราคาถูกกว่าพื้นไม้ที่เป็นแผ่นใหญ่
การปูพื้นปาร์เกต์นั้นสามารถปูทับพื้นคอนกรีตโดยการยึดด้วยกาว เนื่องจากการยึดติดด้วยกาวจึงทำให้พื้นปาร์เกต์ไม่เหมาะกับพื้นที่ชื้นหรือเปียกบ่อยๆ
นอกจากนี้ผิวสัมผัสของปาร์เกต์เกิดร่องรอยได้โดยง่าย
จึงต้องระมัดระวังการเคลื่อนย้ายสิ่งของ หากดูแลรักษาอย่างดี พื้นปาร์เกต์ก็มีความทนทานเป็นอย่างมาก
โดยตามท้องตลาดทั่วไปไม้ปาร์เกต์จะนิยมขายเป็นมัด
เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น ไม่เหมาะกับห้องเปียกชื้น เช่น
ห้องน้ำและห้องครัว
ราคา : ประมาณ 600 – 2,000 ต่อ ตร.ม.
ขึ้นอยู่กับชนิดไม้
ข้อดี : มีราคาถูก
แต่ก็ยังให้ผิวสัมผัส ไม่ต่างจากไม้จริง
ส่วนใหญ่แล้วก็นิยมเอาไม้เนื้อแข็งมาทำเพราะจะได้ความแข็งแรงทนทาน
ข้อเสีย :
คือลายไม้ที่ได้อาจจะไม่สวยมากนัก
และถ้าต้องรื้อพื้นคือต้องทิ้งเลยเอามาใช้ใหม่
ไม่ได้
ไม่ได้
3. ไม้ลามิเนต
เป็นการเอาเยื่อไม้มาบดละเอียดและอัดขึ้นมาเป็นแผ่น
โดยลวดลายของพื้นที่ได้จะคล้ายกับไม้จริง และมีราคาถูกกว่า ซึ่งถ้าการเลือกใช้ไม้จริงนั้นอาจจะเกินงบที่ตั้งไว้
ไม้ลามิเนตก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สามารถทดแทนไม้จริงได้ดี
เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น ไม่เหมาะกับห้องเปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว
ราคา : ประมาณ 300 – 1,500 บาท ต่อ ตร.ม
ข้อดี : เวลาการติดตั้งที่รวดเร็วกว่า ,
ผิวหน้าสามารถทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกดกระแทกได้ดี,สามารถเลือกสีผิวหน้าให้เป็นลวดลายที่ต้องการได้,ผิวหน้าไม่ทำให้ลื่นล้ม
, สามารถทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ทนต่อสารเคมี และไม่ติดไฟ,
พื้นไม่เก็บฝุ่นและเชื้อโรค ต่างจากพรม และกระเบื้อง ,ทำความสะอาดได้ง่าย,
สามารถปูซ้ำใหม่ได้ทันทีหากต้องการโยกย้าย
ข้อเสีย :
ไม่สามารถทำการขัดสีผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนตออกแล้วย้อมสีใหม่เหมือนกับไม้จริง
และอายุการใช้งานน้อยเพียง 10-15 ปี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น