3 ประเภทไม้ที่ใช้ในการปูพื้นบ้าน



ไม้เป็นวัสดุที่สร้างเสน่ห์ให้บ้านมายาวนาน ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ปีพื้นบ้านที่ปูด้วยไม้ก็ยังได้รับความนิยม เพราะ พื้นบ้านไม้จริง ให้ความรู้สึกอบอุ่น ชวนให้พักผ่อน ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังเชื่อมโยงกับบรรยากาศแบบพื้นถิ่น  หากได้อยู่อาศัยในบ้านที่ปูด้วยไม้ ก็จะทำให้คนอยู่รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลายไปด้วย นอกจากนี้ไม้จริง โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็ง ยังมีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน ทนทานต่อหลายสิ่ง แต่อย่างไรก็ตามคุณภาพของไม้ก็ย่อมมีราคาที่สูงขึ้นไปด้วย ในปัจจุบันจึงได้มีไม้หลายประเภทที่สร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนไม้จริง ทำให้ประหยัด ดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังให้ความสวยงามเหมือนไม้จริง วันนี้เราจึงได้นำประเภทของไม้ที่ใช้ในการปูพื้นบ้านมาฝากกันค่ะ 

ประเภทของไม้ปูพื้น 

          1. ไม้จริง 
             เป็นไม้ธรรมชาติแท้ๆทั้งแผ่น คนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เนื่องจากไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนกันได้ คนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เนื่องด้วยไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนได้ โดยชนิดของไม้ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปได้แก่ ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้มะค่า และไม้สัก เป็นต้น สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบ้านไม้และบ้านปูน กรณีที่เป็นบ้านไม้ให้ใช้วิธีตอกยึดกับคานไม้ แต่ปัจจุบันนิยมสร้างบ้านปูนกันมาก โดยทำการเทพื้นคอนกรีตก่อน จากนั้นปูพื้นไม้ทับไปอีกทีด้วยกาวสำหรับงานปูพื้น แต่ปัจจุบันนี้ไม้เริ่มหายากจึงมีราคาที่สูงมากขึ้น แต่ก็มีการใช้วัสดุอื่นที่มาทดแทนไม้แผ่นได้
           เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน ห้องรับแขก เนื้อพื้นไม้จะให้ความหรูหรา ดูอบอุ่น มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่จะไม่เหมาะกับห้องอย่างห้องครัว หรือห้องน้ำที่พื้นจะต้องรับความชื้น หรือมีพื้นเปียกอยู่ตลอด
            ราคา : ประมาณ 1,000 – 5,000 ต่อ ตร.ม. ขึ้นอยู่กับชนิดไม้
            ข้อดี : มีความแข็งแรงทนทาน มีความสวยงามตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็สามารถขัดหรือทำสีก็กลับมาดูใหม่ได้เหมือนเดิม
            ข้อเสีย : ของไม้จริง สมัยนี้ไม้จริงจะหายากราคาก็เลยสูง ยิ่งถ้าต้องการหน้ากว้างและแผ่นยาวราคาก็ยิ่งสูง เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็มีโอกาสยืด หด บิด แอ่น โก่งตามสภาพอากาศ หรือจะมีปัญหาเรื่องปลวกได้ รวมทั้งการถูกแช่น้ำนาน ๆ ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
            
            2. ไม้ปาร์เก้
            เป็นการนำไม้จริงมาตัดเป็นชิ้นไม้เล็กๆ แล้วเอามาต่อกันให้เป็นแผ่นใหญ่ ซึ่งอาจจะทำมาจากเศษไม้ก็ได้แล้วเอามาปูเรียงให้เป็นลายบนพื้นสวยงาม มีราคาถูกกว่าพื้นไม้ที่เป็นแผ่นใหญ่ การปูพื้นปาร์เกต์นั้นสามารถปูทับพื้นคอนกรีตโดยการยึดด้วยกาว เนื่องจากการยึดติดด้วยกาวจึงทำให้พื้นปาร์เกต์ไม่เหมาะกับพื้นที่ชื้นหรือเปียกบ่อยๆ นอกจากนี้ผิวสัมผัสของปาร์เกต์เกิดร่องรอยได้โดยง่าย จึงต้องระมัดระวังการเคลื่อนย้ายสิ่งของ หากดูแลรักษาอย่างดี พื้นปาร์เกต์ก็มีความทนทานเป็นอย่างมาก โดยตามท้องตลาดทั่วไปไม้ปาร์เกต์จะนิยมขายเป็นมัด
            เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น  ไม่เหมาะกับห้องเปียกชื้น เช่น ห้องน้ำและห้องครัว
            ราคา : ประมาณ 600 – 2,000 ต่อ ตร.ม. ขึ้นอยู่กับชนิดไม้
            ข้อดี  : มีราคาถูก แต่ก็ยังให้ผิวสัมผัส ไม่ต่างจากไม้จริง ส่วนใหญ่แล้วก็นิยมเอาไม้เนื้อแข็งมาทำเพราะจะได้ความแข็งแรงทนทาน
            ข้อเสีย : คือลายไม้ที่ได้อาจจะไม่สวยมากนัก และถ้าต้องรื้อพื้นคือต้องทิ้งเลยเอามาใช้ใหม่
ไม่ได้
            
            3. ไม้ลามิเนต
            เป็นการเอาเยื่อไม้มาบดละเอียดและอัดขึ้นมาเป็นแผ่น โดยลวดลายของพื้นที่ได้จะคล้ายกับไม้จริง และมีราคาถูกกว่า  ซึ่งถ้าการเลือกใช้ไม้จริงนั้นอาจจะเกินงบที่ตั้งไว้ ไม้ลามิเนตก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สามารถทดแทนไม้จริงได้ดี
            เหมาะกับพื้นที่ : ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น  ไม่เหมาะกับห้องเปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว
            ราคา : ประมาณ 300 – 1,500 บาท ต่อ ตร.ม
            ข้อดี เวลาการติดตั้งที่รวดเร็วกว่า , ผิวหน้าสามารถทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกดกระแทกได้ดี,สามารถเลือกสีผิวหน้าให้เป็นลวดลายที่ต้องการได้,ผิวหน้าไม่ทำให้ลื่นล้ม , สามารถทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ทนต่อสารเคมี และไม่ติดไฟ, พื้นไม่เก็บฝุ่นและเชื้อโรค ต่างจากพรม และกระเบื้อง ,ทำความสะอาดได้ง่าย, สามารถปูซ้ำใหม่ได้ทันทีหากต้องการโยกย้าย


            ข้อเสีย ไม่สามารถทำการขัดสีผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนตออกแล้วย้อมสีใหม่เหมือนกับไม้จริง และอายุการใช้งานน้อยเพียง 10-15 ปี

ความคิดเห็น